รายละเอียดเอกสาร

ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดวิธีการตรวจวัด การรายงานผล การแจ้งเหตุขัดข้อง การแจ้งหยุดหน่วยการผลิต สำหรับโรงงานที่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. 2566

  โดยที่เป็นการสมควรกําหนดวิธีการตรวจวัดฝุ่นละอองและอัตราการไหลภายในปล่อง (Flow Rate) สําหรับโรงงานที่มีจุดเก็บตัวอย่างอากาศที่ปล่องระบายอยู่เดิมและไม่สามารถเจาะปล่องเพิ่มเติมเพื่อติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษได้ และกําหนดวิธีการรายงานผลการตรวจวัด การแจ้งเหตุขัดข้องการแจ้งหยุดหน่วยการผลิต สําหรับโรงงานที่ต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (2) ข้อ 10 วรรคหก และข้อ 15 ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ เพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. 2565 กรมโรงงานอุตสาหกรรม ออกประกาศ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ในประกาศนี้

“โปรแกรมรับส่งข้อมูลระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล” หมายความว่า โปรแกรมที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมพัฒนาขึ้น สําหรับการรับส่งข้อมูลผลการตรวจวัดมลพิษจากเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ

“เครื่องอุปกรณ์รับส่งข้อมูลระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกล” หมายความว่า เครื่องอุปกรณ์รับส่งข้อมูลระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยมลพิษระยะไกลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมสําหรับการรับส่งข้อมูลผลการตรวจวัดมลพิษจากเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษ

ข้อ 2 การตรวจวัดฝุ่นละอองและอัตราการไหลภายในปล่อง (Flow Rate) ตามข้อ 4 (2) ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กําหนดให้โรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือหรือเครื่องอุปกรณ์พิเศษเพื่อรายงานมลพิษอากาศจากปล่องโรงงาน พ.ศ. 2565 ให้ใช้วิธี ดังต่อไปนี้

2.1 การตรวจวัดฝุ่นละอองในปล่องให้ใช้วิธี Determination of Particulate Emissions from Stationary Sources ที่องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (United States Environmental Protection Agency : U.S. EPA) กําหนดไว้ หรือใช้วิธีตามมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า

2.2 การตรวจวัดอัตราการไหลภายในปล่อง (Flow Rate) ให้ใช้วิธี Determination of Stack Gas Velocity and Volumetric Flow Rate ที่องค์การพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (United States Environmental Protection Agency : U.S. EPA) กําหนดไว้ หรือใช้วิธีตามมาตรฐานอื่นที่เทียบเท่า ....